วิธีใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส สั่ง Food Delivery ผ่าน 4 แพลตฟอร์ม ประหยัดสูงสุด 150 บาท/มื้อ
บทนำ
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีประหยัดค่าอาหารในยุคค่าครองชีพสูง ข่าวดีมาถึงแล้ว!
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 รัฐบาลได้เปิดให้ใช้สิทธิ คนละครึ่งพลัส กับบริการสั่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery) เป็นครั้งแรก โดยสามารถลดค่าอาหารได้ถึง 50% หรือสูงสุด 150 บาทต่อมื้อ ผ่าน 4 แพลตฟอร์มชั้นนำ โครงการนี้มีวงเงินรวม 44,000 ล้านบาท และเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิประมาณ 20 ล้านสิทธิ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างมาก
หากคุณเป็นคนทำงานที่ต้องสั่งอาหารบ่อย บทความนี้จะช่วยให้คุณใช้สิทธิได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

แอปเป๋าตังจากกระทรวงการคลังที่ใช้สำหรับรับสิทธิคนละครึ่งพลัส
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นปัจจุบัน ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 (พฤศจิกายน 2024) แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแอปเป๋าตังหรือเว็บไซต์กระทรวงการคลังก่อนใช้สิทธิ
รู้จัก 4 แพลตฟอร์ม Food Delivery ที่ร่วมโครงการ
โครงการคนละครึ่งพลัสครั้งนี้เปิดให้ใช้สิทธิผ่าน 4 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่:
- Grab – แอปสั่งอาหารและบริการเรียกรถชื่อดังระดับภูมิภาค
- LINE MAN – บริการไทยที่มีร้านค้าร่วมมากมายทั่วประเทศ
- Robinhood – ช่องทางส่งอาหารที่มีความหลากหลายของร้านค้า
- ShopeeFood – แอป Food Delivery จาก Shopee ที่มีโปรโมชั่นคุ้มค่า
ทั้ง 4 แพลตฟอร์มนี้ต่างก็เชื่อมต่อกับ แอปเป๋าตัง (G-Wallet) ของกระทรวงการคลัง ทำให้การใช้สิทธิสะดวกและไม่ต้องสลับแอปไปมา
วิธีการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสกับ Food Delivery แบบละเอียด
ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดและเตรียมแอปพลิเคชัน
ก่อนอื่น คุณต้องมีแอปพลิเคชัน 2 ตัว:
- แอปเป๋าตัง (G-Wallet) – ดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play
- แอป Food Delivery ที่คุณต้องการใช้ (Grab, LINE MAN, Robinhood หรือ ShopeeFood)
ขั้นตอนที่ 2: ลงทะเบียนและยืนยันสิทธิ
- เปิดแอป เป๋าตัง
- เข้าสู่หน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส”
- เลือกแบนเนอร์ “ฟู้ดเดลิเวอรี”
- กดยืนยันสิทธิและทำการลงทะเบียน
- รอการอนุมัติ (ใช้เวลาไม่นาน)
ขั้นตอนที่ 3: เชื่อมต่อแอป Food Delivery กับเป๋าตัง
- เปิดแอป Food Delivery ที่คุณเลือก
- ไปที่หน้า ตั้งค่า หรือ Payment
- เลือก เป๋าตัง (G-Wallet) เป็นวิธีชำระเงิน
- ยืนยันการเชื่อมต่อระหว่าง 2 แอป

ตัวอย่างหน้าจอการเชื่อมต่อแอป LINE MAN กับเป๋าตัง
ขั้นตอนที่ 4: สั่งอาหารและใช้สิทธิ
- เลือกร้านอาหารและเมนูที่ต้องการ
- ตรวจสอบว่าร้านนั้น เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส (จะมีป้ายหรือโลโก้แสดง)
- เลือกชำระเงินผ่าน เป๋าตัง
- ระบบจะหักเงินจากสิทธิ 50% อัตโนมัติ (สูงสุด 150 บาท)
- ยืนยันคำสั่งซื้อและรอรับอาหาร
เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้
ระยะเวลาใช้สิทธิ
- เริ่มต้น: 7 พฤศจิกายน 2567
- สิ้นสุด: 31 ธันวาคม 2567
- ช่วงเวลาที่ใช้ได้: 06:00 – 21:00 น. ทุกวัน
วงเงินและข้อจำกัด
- รัฐช่วยจ่าย 50% ของค่าอาหาร
- สูงสุด 150 บาทต่อมื้อ (ซื้ออาหาร 300 บาท ได้ส่วนลด 150 บาท)
- วงเงินรวมต่อคน ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
- ⚠️ สิทธิครั้งแรก ต้องใช้ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567
สิ่งที่ต้องรู้
- ⚠️ รัฐช่วยจ่ายเฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมค่าส่ง (Delivery Fee)
- ⚠️ ต้องชำระเงินผ่าน แอปเป๋าตังเท่านั้น
- ใช้ได้ทั่วประเทศ กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
- ไม่สามารถใช้สิทธิซ้อนกับโปรโมชั่นอื่นของแพลตฟอร์ม (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละแพลตฟอร์ม)

กราฟแสดงการประหยัดเงินจากการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส
เคล็ดลับการใช้สิทธิให้คุ้มค่าที่สุด
1. สั่งอาหารในช่วงเวลาที่เหมาะสม
- สั่งในช่วง 06:00 – 21:00 น. เท่านั้น
- หลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน (Rush Hour) เพื่อลดค่าส่ง
- วางแผนสั่งอาหารล่วงหน้าเพื่อไม่พลาดสิทธิ
2. เลือกร้านที่เข้าร่วมโครงการ
- มองหาป้ายหรือโลโก้ “คนละครึ่งพลัส” บนแอป
- เลือกร้านที่มีเมนูราคาพอดี 300 บาท เพื่อได้ส่วนลดเต็ม 150 บาท
- ตรวจสอบรีวิวและคุณภาพอาหารก่อนสั่ง
3. วางแผนการใช้สิทธิ
- ใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเปิดใช้งานสิทธิ (Activate) ทั้งหมด
- วางแผนใช้สิทธิ 200 บาทต่อวันให้เต็ม
- หากสั่งอาหารร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว แยกสั่งในบัญชีคนละคนเพื่อได้ส่วนลดมากขึ้น
4. เปรียบเทียบแพลตฟอร์ม
- เปรียบเทียบราคาอาหารและค่าส่งในแต่ละแพลตฟอร์ม
- เลือกแพลตฟอร์มที่มีร้านใกล้บ้านหรือที่ทำงานมากที่สุด
- ดูโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากแต่ละแพลตฟอร์ม (ถ้ามี)
ตัวอย่างการคำนวณการประหยัด
กรณีที่ 1: สั่งอาหารมื้อกลางวัน
- ราคาอาหาร: 250 บาท
- ค่าส่ง: 30 บาท
- รัฐช่วยจ่าย: 125 บาท (50% ของ 250)
- คุณจ่ายจริง: 125 + 30 = 155 บาท
- ประหยัด: 125 บาท
กรณีที่ 2: สั่งอาหารมื้อเย็นแบบคุ้ม
- ราคาอาหาร: 300 บาท
- ค่าส่ง: 25 บาท
- รัฐช่วยจ่าย: 150 บาท (สูงสุด)
- คุณจ่ายจริง: 150 + 25 = 175 บาท
- ประหยัด: 150 บาท
กรณีที่ 3: ใช้สิทธิ 2 ครั้งต่อวัน
- มื้อที่ 1: ราคาอาหาร 250 บาท → ประหยัด 125 บาท
- มื้อที่ 2: ราคาอาหาร 150 บาท → ประหยัด 75 บาท (เหลือวงเงิน 200 – 125 = 75 บาท)
- ประหยัดรวมต่อวัน: 200 บาท
กรณีที่ 4: สั่งอาหารเกิน 300 บาท
- ราคาอาหาร: 400 บาท
- ค่าส่ง: 30 บาท
- รัฐช่วยจ่าย: 150 บาท (สูงสุด ไม่เกิน 150 บาทต่อมื้อ)
- คุณจ่ายจริง: 250 + 30 = 280 บาท
- ประหยัด: 150 บาท
FAQ คำถามที่พบบ่อย
1. ใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสกับ Food Delivery ได้กี่ครั้งต่อวัน?
ใช้ได้ไม่จำกัดครั้ง แต่รวมแล้วไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งอาหาร 2 มื้อ (มื้อละ 100 บาท) หรือ 1 มื้อใหญ่ (ได้ส่วนลด 150 บาท) แล้วอีกมื้อเล็ก (ได้ส่วนลดอีก 50 บาท) ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ของคุณ
2. ค่าส่งอาหาร (Delivery Fee) รัฐช่วยจ่ายด้วยไหม?
ไม่ รัฐช่วยจ่ายเฉพาะค่าอาหาร เท่านั้น ค่าส่งคุณต้องจ่ายเองเต็มจำนวน ดังนั้นแนะนำให้เลือกร้านที่อยู่ใกล้หรือมีค่าส่งต่ำเพื่อประหยัดมากขึ้น
3. ถ้าลืมใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พฤศจิกายน จะเป็นอย่างไร?
หากไม่ใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 คุณจะไม่สามารถใช้สิทธิในโครงการนี้ได้เลย ดังนั้นอย่าลืมสั่งอาหารอย่างน้อย 1 ครั้งภายในวันดังกล่าวเพื่อเปิดใช้งานสิทธิทั้งหมด
4. สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นของแพลตฟอร์มได้ไหม?
ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม บางแพลตฟอร์มอาจอนุญาตให้ใช้โปรโมชั่นอื่นร่วมกันได้ แต่บางแพลตฟอร์มอาจไม่อนุญาต แนะนำให้ตรวจสอบเงื่อนไขในแต่ละแอปก่อนสั่งอาหาร
5. ถ้าสั่งอาหารราคา 200 บาท จะได้ส่วนลดเท่าไร?
หากสั่งอาหารราคา 200 บาท รัฐจะช่วยจ่าย 50% คือ 100 บาท คุณจ่ายจริง 100 บาท + ค่าส่ง โดยไม่ถึงวงเงินสูงสุด 150 บาท แต่ยังอยู่ในวงเงินรวม 200 บาทต่อวัน
บทสรุป
โครงการ คนละครึ่งพลัส สำหรับ Food Delivery เป็นโอกาสทองที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าอาหารได้มากถึง 150 บาทต่อมื้อ หรือ 200 บาทต่อวัน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567 เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปเป๋าตังและเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Food Delivery ที่คุณชื่นชอบ (Grab, LINE MAN, Robinhood หรือ ShopeeFood)
อย่าลืม! ใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเปิดใช้งานสิทธิทั้งหมด และวางแผนการสั่งอาหารให้คุ้มค่าในช่วงเวลา 06:00 – 21:00 น. เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและสนับสนุนร้านอาหารในประเทศไทย
เริ่มต้นใช้สิทธิของคุณวันนี้ และอย่าพลาดโอกาสดีๆ ในการประหยัดค่าอาหารกับโครงการนี้!
ข้อมูลอ้างอิง: ข้อมูลในบทความนี้อ้างอิงจากประกาศของกระทรวงการคลัง ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งราชการก่อนใช้สิทธิ