ป้ายกำกับ: เป๋าตัง

  • คนละครึ่งพลัสเฟส 2: ลงทะเบียนได้ 4,000 บาท วิธีสมัครผ่านเป๋าตัง

    🎉 กำลังตามหา 4,000 บาทจากรัฐบาลอยู่ใช่ไหม? โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 กำลังจะกลับมาแล้ว! ผมลองตามติดข่าวล่าสุดมาให้แล้ว คราวนี้ใครยังไม่เคยได้สิทธิจะได้รับเต็ม 4,000 บาทเลยนะ

    คนวัยรุ่นยิ้มอย่างมีความสุขขณะถือโทรศัพท์แสดงแอปเป๋าตัง

    🔥 อัพเดทล่าสุดจาก ครม.

    เมื่อไม่นานมานี้ ครม. เศรษฐกิจได้เห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 แล้ว โดยมีกำหนดการคาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในเดือนธันวาคม 2568 และเริ่มใช้สิทธิได้จริงในเดือนมกราคม 2569 นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับหลายๆ คนที่รอคอยเลย

    👥 ใครได้สิทธิบ้าง? มาดูกัน!

    กลุ่มที่ 1: ผู้ที่ได้รับสิทธิเฟสแรกแล้ว

    สำหรับคนที่เคยได้สิทธิเฟสแรกและใช้เงินครบ 2,000 บาทแล้ว รัฐจะพิจารณาเติมเงินเพิ่มให้ แต่จำนวนที่เติมอาจไม่เท่ากับ 4,000 บาทนะ ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกที

    กลุ่มที่ 2: ผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมเฟสแรก

    นี่คือกลุ่มที่ได้เต็ม! รวมถึงผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ได้ใช้สิทธิประมาณ 200,000 คนด้วย จะได้รับวงเงินเต็มจำนวน 4,000 บาทเลยทีเดียว

    กลุ่มคนหลายวัยกำลังพูดคุยและแลกเปลี่ยนเงินในสภาพแวดล้อมที่เป็นกันเอง

    ✅ คุณสมบัติผู้มีสิทธิ

    1. อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
    2. มีบัตรประจำตัวประชาชน
    3. ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568
    4. ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืน ในโครงการคนละครึ่งระยะที่ 1-5

    📱 วิธีลงทะเบียนแบบ Step-by-Step

    ผมลองศึกษาวิธีการแล้วพบว่าค่อนข้างง่าย ทำผ่านแอปเป๋าตังได้เลย

    ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:

    1. เปิดแอปเป๋าตัง ในโทรศัพท์ของคุณ
    2. เลือกแบนเนอร์ ‘โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2’ ที่จะปรากฏขึ้นมา
    3. กดยินยอมเงื่อนไข KYC สำหรับการยืนยันตัวตน
    4. กรอกเลขบัตรประชาชนและเบอร์โทรศัพท์
    5. รับ OTP และกรอก ตามที่ระบบส่งมา
    6. กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือใช้แอป ThaiD เพื่อความรวดเร็ว
    7. รอ SMS แจ้งผลการพิจารณา
    มือกำลังกดสมาร์ทโฟนแสดงขั้นตอนการลงทะเบียน

    💰 เงื่อนไขการใช้สิทธิที่ต้องรู้

    • รัฐช่วยจ่าย 50% ส่วนผู้ได้รับสิทธิจ่ายเอง 50%
    • จำกัดไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน
    • ใช้ผ่านแอปเป๋าตัง (G-Wallet) เท่านั้น
    • เวลาใช้งาน: 06.00-23.00 น.

    เรื่องดีๆ แบบนี้ช่วยประหยัดเงินได้จริงๆ นะ โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นปีใหม่แบบนี้

    ❓ คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

    Q: ถ้าเคยได้เฟสแรกแต่ใช้ไม่ครบ 2,000 บาท จะได้สิทธิไหม?

    A: จากข้อมูลล่าสุด ผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ได้ใช้สิทธิประมาณ 200,000 คนจะได้รับสิทธิในเฟส 2 นี้ แต่จำนวนเงินอาจแตกต่าง ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

    Q: ต้องใช้แอปเป๋าตังอย่างเดียวจริงๆ หรือ?

    A: ใช่แล้วครับ ตามเงื่อนไขการใช้งานต้องใช้ผ่านแอปเป๋าตังเท่านั้น และต้องเป็น G-Wallet ด้วย

    Q: ถ้าอายุไม่ถึง 18 ปี ลงทะเบียนได้ไหม?

    A: ได้ครับ ถ้าอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปก็มีสิทธิแล้ว

    Q: เริ่มใช้เงินได้เมื่อไหร่?

    A: คาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิได้จริงในเดือนมกราคม 2569 หลังการลงทะเบียนสิ้นสุด

    💡 ข้อควรระวัง

    • รายละเอียดอาจเปลี่ยนแปลงได้ ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลัง
    • ควรตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วนก่อนลงทะเบียน
    • เตรียมบัตรประชาชนให้พร้อม
    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

    🎯 สรุปทิ้งท้าย

    โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 นี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน จะได้ 4,000 บาทเต็มๆ เลยทีเดียว ผมว่าคุ้มค่ามากที่จะรอติดตามและลงทะเบียนนะ

    เตรียมตัวให้พร้อม รอเดือนธันวาคมนี้แล้วไปลงทะเบียนกัน! ใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติมคอมเมนต์ไว้ได้เลยนะครับ 😊

    หมายเหตุ: บทความนี้อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุด แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลก่อนลงทะเบียนนะ

  • วิธีใช้คนละครึ่งพลัส Food Delivery 2567 ประหยัด 150 บาท/มื้อ

    วิธีใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส สั่ง Food Delivery ผ่าน 4 แพลตฟอร์ม ประหยัดสูงสุด 150 บาท/มื้อ

    บทนำ

    สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีประหยัดค่าอาหารในยุคค่าครองชีพสูง ข่าวดีมาถึงแล้ว!

    เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 รัฐบาลได้เปิดให้ใช้สิทธิ คนละครึ่งพลัส กับบริการสั่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery) เป็นครั้งแรก โดยสามารถลดค่าอาหารได้ถึง 50% หรือสูงสุด 150 บาทต่อมื้อ ผ่าน 4 แพลตฟอร์มชั้นนำ โครงการนี้มีวงเงินรวม 44,000 ล้านบาท และเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิประมาณ 20 ล้านสิทธิ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างมาก

    หากคุณเป็นคนทำงานที่ต้องสั่งอาหารบ่อย บทความนี้จะช่วยให้คุณใช้สิทธิได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

    หน้าจอแอปเป๋าตังแสดงโครงการคนละครึ่งพลัสสำหรับ Food Delivery


    แอปเป๋าตังจากกระทรวงการคลังที่ใช้สำหรับรับสิทธิคนละครึ่งพลัส

    หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นปัจจุบัน ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 (พฤศจิกายน 2024) แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแอปเป๋าตังหรือเว็บไซต์กระทรวงการคลังก่อนใช้สิทธิ

    รู้จัก 4 แพลตฟอร์ม Food Delivery ที่ร่วมโครงการ

    โครงการคนละครึ่งพลัสครั้งนี้เปิดให้ใช้สิทธิผ่าน 4 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่:

    1. Grab – แอปสั่งอาหารและบริการเรียกรถชื่อดังระดับภูมิภาค
    2. LINE MAN – บริการไทยที่มีร้านค้าร่วมมากมายทั่วประเทศ
    3. Robinhood – ช่องทางส่งอาหารที่มีความหลากหลายของร้านค้า
    4. ShopeeFood – แอป Food Delivery จาก Shopee ที่มีโปรโมชั่นคุ้มค่า

    ทั้ง 4 แพลตฟอร์มนี้ต่างก็เชื่อมต่อกับ แอปเป๋าตัง (G-Wallet) ของกระทรวงการคลัง ทำให้การใช้สิทธิสะดวกและไม่ต้องสลับแอปไปมา

    วิธีการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสกับ Food Delivery แบบละเอียด

    ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดและเตรียมแอปพลิเคชัน

    ก่อนอื่น คุณต้องมีแอปพลิเคชัน 2 ตัว:

    • แอปเป๋าตัง (G-Wallet) – ดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play
    • แอป Food Delivery ที่คุณต้องการใช้ (Grab, LINE MAN, Robinhood หรือ ShopeeFood)

    ขั้นตอนที่ 2: ลงทะเบียนและยืนยันสิทธิ

    1. เปิดแอป เป๋าตัง
    2. เข้าสู่หน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส”
    3. เลือกแบนเนอร์ “ฟู้ดเดลิเวอรี”
    4. กดยืนยันสิทธิและทำการลงทะเบียน
    5. รอการอนุมัติ (ใช้เวลาไม่นาน)

    ขั้นตอนที่ 3: เชื่อมต่อแอป Food Delivery กับเป๋าตัง

    1. เปิดแอป Food Delivery ที่คุณเลือก
    2. ไปที่หน้า ตั้งค่า หรือ Payment
    3. เลือก เป๋าตัง (G-Wallet) เป็นวิธีชำระเงิน
    4. ยืนยันการเชื่อมต่อระหว่าง 2 แอป
    ภาพตัวอย่างการเชื่อมต่อแอป LINE MAN กับเป๋าตัง


    ตัวอย่างหน้าจอการเชื่อมต่อแอป LINE MAN กับเป๋าตัง

    ขั้นตอนที่ 4: สั่งอาหารและใช้สิทธิ

    1. เลือกร้านอาหารและเมนูที่ต้องการ
    2. ตรวจสอบว่าร้านนั้น เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส (จะมีป้ายหรือโลโก้แสดง)
    3. เลือกชำระเงินผ่าน เป๋าตัง
    4. ระบบจะหักเงินจากสิทธิ 50% อัตโนมัติ (สูงสุด 150 บาท)
    5. ยืนยันคำสั่งซื้อและรอรับอาหาร

    เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้

    ระยะเวลาใช้สิทธิ

    • เริ่มต้น: 7 พฤศจิกายน 2567
    • สิ้นสุด: 31 ธันวาคม 2567
    • ช่วงเวลาที่ใช้ได้: 06:00 – 21:00 น. ทุกวัน

    วงเงินและข้อจำกัด

    • รัฐช่วยจ่าย 50% ของค่าอาหาร
    • สูงสุด 150 บาทต่อมื้อ (ซื้ออาหาร 300 บาท ได้ส่วนลด 150 บาท)
    • วงเงินรวมต่อคน ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
    • ⚠️ สิทธิครั้งแรก ต้องใช้ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567

    สิ่งที่ต้องรู้

    • ⚠️ รัฐช่วยจ่ายเฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมค่าส่ง (Delivery Fee)
    • ⚠️ ต้องชำระเงินผ่าน แอปเป๋าตังเท่านั้น
    • ใช้ได้ทั่วประเทศ กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
    • ไม่สามารถใช้สิทธิซ้อนกับโปรโมชั่นอื่นของแพลตฟอร์ม (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละแพลตฟอร์ม)
    กราฟแสดงการประหยัดเงินจากการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส


    กราฟแสดงการประหยัดเงินจากการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส

    เคล็ดลับการใช้สิทธิให้คุ้มค่าที่สุด

    1. สั่งอาหารในช่วงเวลาที่เหมาะสม

    • สั่งในช่วง 06:00 – 21:00 น. เท่านั้น
    • หลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน (Rush Hour) เพื่อลดค่าส่ง
    • วางแผนสั่งอาหารล่วงหน้าเพื่อไม่พลาดสิทธิ

    2. เลือกร้านที่เข้าร่วมโครงการ

    • มองหาป้ายหรือโลโก้ “คนละครึ่งพลัส” บนแอป
    • เลือกร้านที่มีเมนูราคาพอดี 300 บาท เพื่อได้ส่วนลดเต็ม 150 บาท
    • ตรวจสอบรีวิวและคุณภาพอาหารก่อนสั่ง

    3. วางแผนการใช้สิทธิ

    • ใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเปิดใช้งานสิทธิ (Activate) ทั้งหมด
    • วางแผนใช้สิทธิ 200 บาทต่อวันให้เต็ม
    • หากสั่งอาหารร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว แยกสั่งในบัญชีคนละคนเพื่อได้ส่วนลดมากขึ้น

    4. เปรียบเทียบแพลตฟอร์ม

    • เปรียบเทียบราคาอาหารและค่าส่งในแต่ละแพลตฟอร์ม
    • เลือกแพลตฟอร์มที่มีร้านใกล้บ้านหรือที่ทำงานมากที่สุด
    • ดูโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากแต่ละแพลตฟอร์ม (ถ้ามี)

    ตัวอย่างการคำนวณการประหยัด

    กรณีที่ 1: สั่งอาหารมื้อกลางวัน

    • ราคาอาหาร: 250 บาท
    • ค่าส่ง: 30 บาท
    • รัฐช่วยจ่าย: 125 บาท (50% ของ 250)
    • คุณจ่ายจริง: 125 + 30 = 155 บาท
    • ประหยัด: 125 บาท

    กรณีที่ 2: สั่งอาหารมื้อเย็นแบบคุ้ม

    • ราคาอาหาร: 300 บาท
    • ค่าส่ง: 25 บาท
    • รัฐช่วยจ่าย: 150 บาท (สูงสุด)
    • คุณจ่ายจริง: 150 + 25 = 175 บาท
    • ประหยัด: 150 บาท

    กรณีที่ 3: ใช้สิทธิ 2 ครั้งต่อวัน

    • มื้อที่ 1: ราคาอาหาร 250 บาท → ประหยัด 125 บาท
    • มื้อที่ 2: ราคาอาหาร 150 บาท → ประหยัด 75 บาท (เหลือวงเงิน 200 – 125 = 75 บาท)
    • ประหยัดรวมต่อวัน: 200 บาท

    กรณีที่ 4: สั่งอาหารเกิน 300 บาท

    • ราคาอาหาร: 400 บาท
    • ค่าส่ง: 30 บาท
    • รัฐช่วยจ่าย: 150 บาท (สูงสุด ไม่เกิน 150 บาทต่อมื้อ)
    • คุณจ่ายจริง: 250 + 30 = 280 บาท
    • ประหยัด: 150 บาท

    FAQ คำถามที่พบบ่อย

    1. ใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสกับ Food Delivery ได้กี่ครั้งต่อวัน?

    ใช้ได้ไม่จำกัดครั้ง แต่รวมแล้วไม่เกิน 200 บาทต่อวัน

    ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งอาหาร 2 มื้อ (มื้อละ 100 บาท) หรือ 1 มื้อใหญ่ (ได้ส่วนลด 150 บาท) แล้วอีกมื้อเล็ก (ได้ส่วนลดอีก 50 บาท) ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ของคุณ

    2. ค่าส่งอาหาร (Delivery Fee) รัฐช่วยจ่ายด้วยไหม?

    ไม่ รัฐช่วยจ่ายเฉพาะค่าอาหาร เท่านั้น ค่าส่งคุณต้องจ่ายเองเต็มจำนวน ดังนั้นแนะนำให้เลือกร้านที่อยู่ใกล้หรือมีค่าส่งต่ำเพื่อประหยัดมากขึ้น

    3. ถ้าลืมใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พฤศจิกายน จะเป็นอย่างไร?

    หากไม่ใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 คุณจะไม่สามารถใช้สิทธิในโครงการนี้ได้เลย ดังนั้นอย่าลืมสั่งอาหารอย่างน้อย 1 ครั้งภายในวันดังกล่าวเพื่อเปิดใช้งานสิทธิทั้งหมด

    4. สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นของแพลตฟอร์มได้ไหม?

    ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม บางแพลตฟอร์มอาจอนุญาตให้ใช้โปรโมชั่นอื่นร่วมกันได้ แต่บางแพลตฟอร์มอาจไม่อนุญาต แนะนำให้ตรวจสอบเงื่อนไขในแต่ละแอปก่อนสั่งอาหาร

    5. ถ้าสั่งอาหารราคา 200 บาท จะได้ส่วนลดเท่าไร?

    หากสั่งอาหารราคา 200 บาท รัฐจะช่วยจ่าย 50% คือ 100 บาท คุณจ่ายจริง 100 บาท + ค่าส่ง โดยไม่ถึงวงเงินสูงสุด 150 บาท แต่ยังอยู่ในวงเงินรวม 200 บาทต่อวัน

    บทสรุป

    โครงการ คนละครึ่งพลัส สำหรับ Food Delivery เป็นโอกาสทองที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าอาหารได้มากถึง 150 บาทต่อมื้อ หรือ 200 บาทต่อวัน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567 เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปเป๋าตังและเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Food Delivery ที่คุณชื่นชอบ (Grab, LINE MAN, Robinhood หรือ ShopeeFood)

    อย่าลืม! ใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเปิดใช้งานสิทธิทั้งหมด และวางแผนการสั่งอาหารให้คุ้มค่าในช่วงเวลา 06:00 – 21:00 น. เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและสนับสนุนร้านอาหารในประเทศไทย

    เริ่มต้นใช้สิทธิของคุณวันนี้ และอย่าพลาดโอกาสดีๆ ในการประหยัดค่าอาหารกับโครงการนี้!

    ข้อมูลอ้างอิง: ข้อมูลในบทความนี้อ้างอิงจากประกาศของกระทรวงการคลัง ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งราชการก่อนใช้สิทธิ