Blog

  • ELLE Fashion Week 2025 ไปฟรีได้ไหม? ไกด์เที่ยวงาน

    สวัสดีเพื่อนๆ! 👋 กำลังตามหาแพลนเที่ยวสุดสัปดาห์นี้อยู่รึเปล่า? ถ้าพูดถึงงานที่กำลังฮิตที่สุดตอนนี้ คงหนีไม่พ้น ELLE Fashion Week 2025 หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า EFW2025 นั่นแหละ! งานนี้จัดเต็มทั้งแฟชั่น ดารา และศิลปินชื่อดัง ใครที่ชอบความสนุกและอยากอัปเดตเทรนด์แฟชั่นล่าสุดต้องห้ามพลาด

    บรรยากาศงานแฟชั่นวีคที่ไอคอนสยาม

    ELLE Fashion Week 2025 ไปฟรีได้จริงเหรอ?

    นี่คือคำถามที่หลายคนสงสัยมากที่สุด! โดยทั่วไปแล้ว บางโซนอาจเข้าได้ฟรี โดยเฉพาะโซนบูธแสดงสินค้าและกิจกรรมรอบๆ งาน แต่สำหรับโชว์แฟชั่นหลักๆ อาจต้องมีบัตรเข้าชม ซึ่งราคาก็แล้วแต่ประเภทบัตร

    ถ้าอยากได้ข้อมูลแบบอัปเดตเรียลไทม์ แนะนำให้ติดตามเว็บไซต์ ELLE Thailand หรือไอคอนสยาม โดยตรงเลย จะได้ไม่พลาดข่าวสำคัญและข้อมูลราคาบัตรล่าสุด

    รู้จัก ELLE Fashion Week 2025 ให้ลึกขึ้น

    งานแฟชั่นวีคครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2025 ที่ ลานริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม งานนี้พิเศษมากเพราะเป็นงานฉลองครบรอบ 80 ปีของ ELLE ฝรั่งเศสและกว่า 30 ปีของ ELLE Thailand ด้วยนะ!

    คอนเซปต์ปีนี้ชื่อว่า ‘LIFE – A Seed of Creativity, The Future of Fashion’ ซึ่งสื่อถึงการเติบโตของความคิดสร้างสรรค์และอนาคตของวงการแฟชั่น ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว

    ดีไซเนอร์ไทยและคอลเลคชั่นใหม่ในงานแฟชั่นวีค

    13 แบรนด์ไทยที่คุณต้องรู้จัก!

    งานแฟชั่นวีคปีนี้จัดเต็มด้วยดีไซเนอร์ไทยสุดครีเอทีวถึง 13 แบรนด์ด้วยกัน:

    • THEATRE
    • Hook’s by Prapakas
    • LA BOUTIQUE
    • ICONCRAFT
    • TandT
    • NICHp
    • STUDIO UNKNOWN
    • EVERYWEEK.OUTFIT
    • HEIDI’S SECRET x LOPTEL
    • SILHOUETTE
    • MERGE
    • RENIM PROJECT
    • BLACKSUGAR

    แต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ โดยเฉพาะ RENIM PROJECT ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นแบรนด์ที่นำเสื้อผ้าเก่าและยีนส์มารีไซเคิลเป็น Hybrid Utility Wear ที่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งและชีวิตประจำวัน ทั้งสวยงามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม!

    โชว์พิเศษที่ห้ามพลาด!

    นอกจากโชว์หลักแล้ว ยังมี ELLE MEN Thailand ที่ใช้คอนเซปต์ ‘Boy Scouts’ ตีความชายหนุ่มยุคใหม่ที่รักการผจญภัย กล้าลองสิ่งใหม่ ครีเอทีฟ และใส่ใจความยั่งยืน ใครที่ชอบสไตล์แฟชั่นผู้ชายต้องชอบแน่นอน

    ดาราและศิลปินที่มาร่วมงาน

    งานนี้มีศิลปินและดาราชื่อดังมากมายเข้าร่วมงาน! ที่ยืนยันแล้วมี Thomas Kong และ Fourth Nattawat ที่หลายคนรอคอย โดยเฉพาะคอลแลบ EFW2025xThomasKong และ STUDIOUNKNOWNxFOURTH ที่ทำให้งานยิ่งคึกคักและน่าสนใจมากขึ้นไปอีก

    คอลเลคชั่นแฟชั่นรีไซเคิลจาก RENIM PROJECT

    RENIM PROJECT: แฟชั่นที่ทั้งสวยและมีความหมาย

    อยากจะแชร์ให้ฟังเกี่ยวกับ RENIM PROJECT แบรนด์นี้พิเศษจริงๆ! เขาใช้แนวคิด Remade/Reduce/Redesign ในการออกแบบ โดยนำเสื้อผ้าเก่า ยีนส์ และ deadstock fashion items มาสร้างเป็นแฟชั่นสตรีทแวร์ได้อย่างน่าทึ่ง!

    ที่สำคัญคือแบรนด์นี้ยังร่วมงาน Bangkok Design Week 2025 ด้วยนะ แสดงว่าได้รับการยอมรับในวงการดีไซน์อย่างแท้จริง สำหรับใครที่ชอบแฟชั่นที่ทั้งสวยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นี่คือแบรนด์ที่ควรจับตามากๆ

    วิธีเตรียมตัวไปงานให้สนุกที่สุด!

    1. ติดตามข่าวสารล่าสุด – เช็คข้อมูลจาก ELLE Thailand เป็นประจำ เพราะข้อมูลอาจมีการอัปเดต

    2. วางแผนการเดินทาง – ไอคอนสยามเดินทางสะดวกทั้ง BTS และเรือ ใครขับรถไปก็มีที่จอดแต่แนะนำไปแต่เช้า

    3. แต่งตัวให้เหมาะ – เลือกชุดที่ทั้งสวยและใส่สบาย เพราะอาจต้องเดินเยอะหน่อย

    4. เตรียมกล้อง/โทรศัพท์ – มีจุดถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ทั้งแบ็กดรอปและมุมชิคๆ

    5. ศึกษาตารางโชว์ล่วงหน้า – จะได้ไม่พลาดโชว์ที่อยากดูจริงๆ


    คำถามที่หลายคนสงสัย (FAQ)

    Q: ELLE Fashion Week 2025 จัดที่ไหนและเมื่อไหร่?

    A: จัดระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2025 ที่ลานริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม

    Q: มีโอกาสได้เจอดาราและศิลปินไหม?

    A: มีโอกาสสูงมาก! เพราะมี Thomas Kong, Fourth Nattawat และศิลปินอื่นๆ ที่มาร่วมงาน

    Q: RENIM PROJECT คืออะไร?

    A: เป็นแบรนด์ที่นำเสื้อผ้าเก่าและยีนส์มารีไซเคิล มีคอนเซปต์รักษ์โลกและความคิดสร้างสรรค์

    Q: เด็กเข้าชมงานได้ไหม?

    A: โดยทั่วไปงานแฟชั่นวีคเปิดให้ทุกวัย แต่แนะนำให้เช็คข้อกำหนดจากผู้จัดงาน อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

    Q: ควรแต่งตัวแบบไหนไปงาน?

    A: แนะนำให้แต่งตัวสไตล์แฟชั่นแบบสบายๆ แต่ชิค เพราะเป็นงานแฟชั่นวีค ควรใส่รองเท้าที่สวยและเดินสะดวก

    Q: ราคาบัตรเข้างานเท่าไหร่?

    A: แนะนำเช็คข้อมูลราคาบัตรล่าสุดจากเว็บไซต์ ELLE Thailand หรือไอคอนสยาม โดยตรง

    สรุปปิดท้าย

    ELLE Fashion Week 2025 ครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่ที่คนรักแฟชั่นไม่ควรพลาดจริงๆ! ไม่ว่าจะเป็นคอนเซปต์งานที่ล้ำ ดีไซเนอร์ไทยคุณภาพ หรือศิลปินดารามาแรงที่มาร่วมงาน แถมยังมีแบรนด์รักษ์โลกอย่าง RENIM PROJECT ที่ทำให้เราเห็นว่าแฟชั่นสามารถสวยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้พร้อมกัน

    อย่าพลาดโอกาสนี้! ใครที่สนใจแนะนำให้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วเจอกันที่ไอคอนสยามนะ! ✨

    บรรยากาศงานแฟชั่นวีคที่มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก

  • วิธีใช้คนละครึ่งพลัส Food Delivery 2567 ประหยัด 150 บาท/มื้อ

    วิธีใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส สั่ง Food Delivery ผ่าน 4 แพลตฟอร์ม ประหยัดสูงสุด 150 บาท/มื้อ

    บทนำ

    สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีประหยัดค่าอาหารในยุคค่าครองชีพสูง ข่าวดีมาถึงแล้ว!

    เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 รัฐบาลได้เปิดให้ใช้สิทธิ คนละครึ่งพลัส กับบริการสั่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery) เป็นครั้งแรก โดยสามารถลดค่าอาหารได้ถึง 50% หรือสูงสุด 150 บาทต่อมื้อ ผ่าน 4 แพลตฟอร์มชั้นนำ โครงการนี้มีวงเงินรวม 44,000 ล้านบาท และเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิประมาณ 20 ล้านสิทธิ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างมาก

    หากคุณเป็นคนทำงานที่ต้องสั่งอาหารบ่อย บทความนี้จะช่วยให้คุณใช้สิทธิได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

    หน้าจอแอปเป๋าตังแสดงโครงการคนละครึ่งพลัสสำหรับ Food Delivery


    แอปเป๋าตังจากกระทรวงการคลังที่ใช้สำหรับรับสิทธิคนละครึ่งพลัส

    หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นปัจจุบัน ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 (พฤศจิกายน 2024) แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแอปเป๋าตังหรือเว็บไซต์กระทรวงการคลังก่อนใช้สิทธิ

    รู้จัก 4 แพลตฟอร์ม Food Delivery ที่ร่วมโครงการ

    โครงการคนละครึ่งพลัสครั้งนี้เปิดให้ใช้สิทธิผ่าน 4 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่:

    1. Grab – แอปสั่งอาหารและบริการเรียกรถชื่อดังระดับภูมิภาค
    2. LINE MAN – บริการไทยที่มีร้านค้าร่วมมากมายทั่วประเทศ
    3. Robinhood – ช่องทางส่งอาหารที่มีความหลากหลายของร้านค้า
    4. ShopeeFood – แอป Food Delivery จาก Shopee ที่มีโปรโมชั่นคุ้มค่า

    ทั้ง 4 แพลตฟอร์มนี้ต่างก็เชื่อมต่อกับ แอปเป๋าตัง (G-Wallet) ของกระทรวงการคลัง ทำให้การใช้สิทธิสะดวกและไม่ต้องสลับแอปไปมา

    วิธีการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสกับ Food Delivery แบบละเอียด

    ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดและเตรียมแอปพลิเคชัน

    ก่อนอื่น คุณต้องมีแอปพลิเคชัน 2 ตัว:

    • แอปเป๋าตัง (G-Wallet) – ดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play
    • แอป Food Delivery ที่คุณต้องการใช้ (Grab, LINE MAN, Robinhood หรือ ShopeeFood)

    ขั้นตอนที่ 2: ลงทะเบียนและยืนยันสิทธิ

    1. เปิดแอป เป๋าตัง
    2. เข้าสู่หน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส”
    3. เลือกแบนเนอร์ “ฟู้ดเดลิเวอรี”
    4. กดยืนยันสิทธิและทำการลงทะเบียน
    5. รอการอนุมัติ (ใช้เวลาไม่นาน)

    ขั้นตอนที่ 3: เชื่อมต่อแอป Food Delivery กับเป๋าตัง

    1. เปิดแอป Food Delivery ที่คุณเลือก
    2. ไปที่หน้า ตั้งค่า หรือ Payment
    3. เลือก เป๋าตัง (G-Wallet) เป็นวิธีชำระเงิน
    4. ยืนยันการเชื่อมต่อระหว่าง 2 แอป
    ภาพตัวอย่างการเชื่อมต่อแอป LINE MAN กับเป๋าตัง


    ตัวอย่างหน้าจอการเชื่อมต่อแอป LINE MAN กับเป๋าตัง

    ขั้นตอนที่ 4: สั่งอาหารและใช้สิทธิ

    1. เลือกร้านอาหารและเมนูที่ต้องการ
    2. ตรวจสอบว่าร้านนั้น เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส (จะมีป้ายหรือโลโก้แสดง)
    3. เลือกชำระเงินผ่าน เป๋าตัง
    4. ระบบจะหักเงินจากสิทธิ 50% อัตโนมัติ (สูงสุด 150 บาท)
    5. ยืนยันคำสั่งซื้อและรอรับอาหาร

    เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้

    ระยะเวลาใช้สิทธิ

    • เริ่มต้น: 7 พฤศจิกายน 2567
    • สิ้นสุด: 31 ธันวาคม 2567
    • ช่วงเวลาที่ใช้ได้: 06:00 – 21:00 น. ทุกวัน

    วงเงินและข้อจำกัด

    • รัฐช่วยจ่าย 50% ของค่าอาหาร
    • สูงสุด 150 บาทต่อมื้อ (ซื้ออาหาร 300 บาท ได้ส่วนลด 150 บาท)
    • วงเงินรวมต่อคน ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
    • ⚠️ สิทธิครั้งแรก ต้องใช้ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567

    สิ่งที่ต้องรู้

    • ⚠️ รัฐช่วยจ่ายเฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมค่าส่ง (Delivery Fee)
    • ⚠️ ต้องชำระเงินผ่าน แอปเป๋าตังเท่านั้น
    • ใช้ได้ทั่วประเทศ กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
    • ไม่สามารถใช้สิทธิซ้อนกับโปรโมชั่นอื่นของแพลตฟอร์ม (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละแพลตฟอร์ม)
    กราฟแสดงการประหยัดเงินจากการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส


    กราฟแสดงการประหยัดเงินจากการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส

    เคล็ดลับการใช้สิทธิให้คุ้มค่าที่สุด

    1. สั่งอาหารในช่วงเวลาที่เหมาะสม

    • สั่งในช่วง 06:00 – 21:00 น. เท่านั้น
    • หลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน (Rush Hour) เพื่อลดค่าส่ง
    • วางแผนสั่งอาหารล่วงหน้าเพื่อไม่พลาดสิทธิ

    2. เลือกร้านที่เข้าร่วมโครงการ

    • มองหาป้ายหรือโลโก้ “คนละครึ่งพลัส” บนแอป
    • เลือกร้านที่มีเมนูราคาพอดี 300 บาท เพื่อได้ส่วนลดเต็ม 150 บาท
    • ตรวจสอบรีวิวและคุณภาพอาหารก่อนสั่ง

    3. วางแผนการใช้สิทธิ

    • ใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเปิดใช้งานสิทธิ (Activate) ทั้งหมด
    • วางแผนใช้สิทธิ 200 บาทต่อวันให้เต็ม
    • หากสั่งอาหารร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว แยกสั่งในบัญชีคนละคนเพื่อได้ส่วนลดมากขึ้น

    4. เปรียบเทียบแพลตฟอร์ม

    • เปรียบเทียบราคาอาหารและค่าส่งในแต่ละแพลตฟอร์ม
    • เลือกแพลตฟอร์มที่มีร้านใกล้บ้านหรือที่ทำงานมากที่สุด
    • ดูโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากแต่ละแพลตฟอร์ม (ถ้ามี)

    ตัวอย่างการคำนวณการประหยัด

    กรณีที่ 1: สั่งอาหารมื้อกลางวัน

    • ราคาอาหาร: 250 บาท
    • ค่าส่ง: 30 บาท
    • รัฐช่วยจ่าย: 125 บาท (50% ของ 250)
    • คุณจ่ายจริง: 125 + 30 = 155 บาท
    • ประหยัด: 125 บาท

    กรณีที่ 2: สั่งอาหารมื้อเย็นแบบคุ้ม

    • ราคาอาหาร: 300 บาท
    • ค่าส่ง: 25 บาท
    • รัฐช่วยจ่าย: 150 บาท (สูงสุด)
    • คุณจ่ายจริง: 150 + 25 = 175 บาท
    • ประหยัด: 150 บาท

    กรณีที่ 3: ใช้สิทธิ 2 ครั้งต่อวัน

    • มื้อที่ 1: ราคาอาหาร 250 บาท → ประหยัด 125 บาท
    • มื้อที่ 2: ราคาอาหาร 150 บาท → ประหยัด 75 บาท (เหลือวงเงิน 200 – 125 = 75 บาท)
    • ประหยัดรวมต่อวัน: 200 บาท

    กรณีที่ 4: สั่งอาหารเกิน 300 บาท

    • ราคาอาหาร: 400 บาท
    • ค่าส่ง: 30 บาท
    • รัฐช่วยจ่าย: 150 บาท (สูงสุด ไม่เกิน 150 บาทต่อมื้อ)
    • คุณจ่ายจริง: 250 + 30 = 280 บาท
    • ประหยัด: 150 บาท

    FAQ คำถามที่พบบ่อย

    1. ใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสกับ Food Delivery ได้กี่ครั้งต่อวัน?

    ใช้ได้ไม่จำกัดครั้ง แต่รวมแล้วไม่เกิน 200 บาทต่อวัน

    ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งอาหาร 2 มื้อ (มื้อละ 100 บาท) หรือ 1 มื้อใหญ่ (ได้ส่วนลด 150 บาท) แล้วอีกมื้อเล็ก (ได้ส่วนลดอีก 50 บาท) ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ของคุณ

    2. ค่าส่งอาหาร (Delivery Fee) รัฐช่วยจ่ายด้วยไหม?

    ไม่ รัฐช่วยจ่ายเฉพาะค่าอาหาร เท่านั้น ค่าส่งคุณต้องจ่ายเองเต็มจำนวน ดังนั้นแนะนำให้เลือกร้านที่อยู่ใกล้หรือมีค่าส่งต่ำเพื่อประหยัดมากขึ้น

    3. ถ้าลืมใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พฤศจิกายน จะเป็นอย่างไร?

    หากไม่ใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 คุณจะไม่สามารถใช้สิทธิในโครงการนี้ได้เลย ดังนั้นอย่าลืมสั่งอาหารอย่างน้อย 1 ครั้งภายในวันดังกล่าวเพื่อเปิดใช้งานสิทธิทั้งหมด

    4. สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นของแพลตฟอร์มได้ไหม?

    ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม บางแพลตฟอร์มอาจอนุญาตให้ใช้โปรโมชั่นอื่นร่วมกันได้ แต่บางแพลตฟอร์มอาจไม่อนุญาต แนะนำให้ตรวจสอบเงื่อนไขในแต่ละแอปก่อนสั่งอาหาร

    5. ถ้าสั่งอาหารราคา 200 บาท จะได้ส่วนลดเท่าไร?

    หากสั่งอาหารราคา 200 บาท รัฐจะช่วยจ่าย 50% คือ 100 บาท คุณจ่ายจริง 100 บาท + ค่าส่ง โดยไม่ถึงวงเงินสูงสุด 150 บาท แต่ยังอยู่ในวงเงินรวม 200 บาทต่อวัน

    บทสรุป

    โครงการ คนละครึ่งพลัส สำหรับ Food Delivery เป็นโอกาสทองที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าอาหารได้มากถึง 150 บาทต่อมื้อ หรือ 200 บาทต่อวัน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567 เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปเป๋าตังและเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Food Delivery ที่คุณชื่นชอบ (Grab, LINE MAN, Robinhood หรือ ShopeeFood)

    อย่าลืม! ใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเปิดใช้งานสิทธิทั้งหมด และวางแผนการสั่งอาหารให้คุ้มค่าในช่วงเวลา 06:00 – 21:00 น. เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและสนับสนุนร้านอาหารในประเทศไทย

    เริ่มต้นใช้สิทธิของคุณวันนี้ และอย่าพลาดโอกาสดีๆ ในการประหยัดค่าอาหารกับโครงการนี้!

    ข้อมูลอ้างอิง: ข้อมูลในบทความนี้อ้างอิงจากประกาศของกระทรวงการคลัง ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งราชการก่อนใช้สิทธิ